จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กรรมเก่า กรรมใหม่

"กรรมเก่า" อาจทำหน้าที่สร้างฉากละคร ‘ตอนแรก’ แต่..
"กรรมใหม่" ก็สามารถเป็นตัวกำหนดว่า
จะให้เหตุการณ์ดำเนินไปจนถึง ‘ตอนจบ’ ได้อย่างไร

หลักศรัทธากรรมและวิบากที่เป็นสัมมาทิฏฐิสมบูรณ์
คือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมเก่าและกรรมใหม่

กายใจและชะตาชีวิตครั้งนี้
ถูกบันดาลขึ้นด้วย "กรรมเก่า" ในครั้งก่อน
แต่จะเอากายใจและเจตนา
โต้ตอบกับผลของกรรมเก่าอย่างไร
: ด้วยการมีศีล หรือ
: ไร้ศีล
นั่นแหละ "กรรมใหม่"
ในความรับผิดชอบของตัวตนปัจจุบัน !

ดังตฤณ


วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องของการทำบุญ (ต่อ)


ถาม ทำบุญอะไร มากและน้อยอย่างไร จึงจะได้บุญมาก

ตอบ ทำบุญอย่างหนึ่ง ทำทานอย่างหนึ่ง ทำกุศลอย่างหนึ่งไม่เหมือนกัน แต่ลงที่ เจตนาอันเดียวเป็นรากฐาน

ทำบุญ นั้น มีเจตนาศรัทธาเป็นทุนก่อน จะมีวัตถุหรือไม่ก็ตาม ศรัทธานั้นเต็มเปี่ยมบริบูรณ์อยู่ในใจแล้ว ยิ่งมีวัตถุสิ่งของเป็นเครื่องแสดงให้ไปก็ยิ่งเพิ่มศรัทธาขึ้นเป็นทวีคูณ นี่เรียกว่า บุญ บุญคือ ความยินดีในสิ่งที่ตนให้แล้วเกิดเต็มเปี่ยมขึ้นมาในใจ

ทำทาน นั้น จะมีเจตนาหรือไม่ก็ตาม คิดจะให้แล้วก็ให้ไปเลย ไม่ว่าสิ่งของอะไรทั้งหมด ถ้ามีเจตนาศรัทธาเลื่อมใสในบุคคลผู้รับและสิ่งที่ตนให้นั้น หรือเอ็นดูต่อบุคคลผู้รับนั้นแล้วให้ไปเรียกว่า ทาน สมดังคำว่า ทานํ เทติ เทก็หมายความว่า เทให้ ทอดให้ ให้สิ่งของจึงเรียกให้

สรุปได้ว่า
ทำทาน คือ ให้สิ่งของพัสดุนั้นไม่ว่ามากหรือน้อยหยาบหรือละเอียด ไม่ปรารถนาผลตอบแทน แต่มีเมตตาจิตเป็นพื้นฐาน แม้ที่สุดให้ด้วยแก้ความรำคาญ เรียกว่าทำทาน

การทำบุญนั้น ต้องมีเจตนาศรัทธาเป็นพื้นฐาน ก็การให้นั่นแหละ เรียกว่า ทำบุญ จะให้สิ่งของอะไรมากและน้อย หยาบและละเอียดก็ตาม ให้แล้วหวังผลตอบแทน เช่น ปรารถนาว่าด้วยอำนาจอานิสงส์ที่ข้าพเจ้าได้ทำบุญแล้วในครั้งนี้ ขอให้ได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ เป็นต้น

การกุศล นั้นคือ ทำบุญทำทานนั่นเอง แต่เป็นกุศโลบายของท่านผู้รู้ทั้งหลายที่จะให้พ้นจากความยากและความหิวทั้งปวงทำไปเพื่อให้ใจผ่องใสสะอาดไม่พึงปรารถนาสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่จิตคิดจะทำภาวนาสมาธิก็เช่นเดียวกัน

ทำบุญ ทำทาน ทำกุศล ไม่ว่ามากหรือน้อย วัตถุมิใช่ตัวบุญแท้ ตัวบุญแท้มันเกิดที่หัวใจ คือ เจตนาของบุคคลนั้นต่างหาก  ถ้าเจตนาศรัทธาในขณะใด ในบุคคลใด ในสถานที่ใด ในที่นั้นๆ ได้บุญมาก  ฉะนั้น บุญในพุทธศาสนานี้ คนทำจึงไม่รู้จักหมดจักสิ้นสักที

พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาไว้สองพันกว่าปีแล้วว่า ทำบุญได้บุญเช่นไร  มาในปัจจุบันนี้หรือในอนาคต ต่อไปก็ได้อย่างนั้นเช่นเคย

คนทำบุญมากเท่าไรก็จะได้บุญมากเท่าที่ตนนั้นสามารถจะรับเอาไปได้  เหมือนกับคนนับเป็นหมื่นๆ แสนๆ ถือเทียนมาคนละเล่มไปขอจุดจากผู้ที่มีเทียนที่จุดอยู่แล้ว
ย่อมได้แสงสว่างตามที่ตนมีเทียนเล่มโตหรือเล่มเล็ก  ส่วนดวงเดิมที่ตนขอจุดต่อนั้นก็ไม่ดับเทียน  หลายดวงยิ่งเพิ่มแสงสว่างยิ่งๆ ขึ้นไปอีก

: หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องของการทำบุญ

การทำบุญไม่ใช่การแก้กรรม กรรมเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นแล้ว แก้ไขไม่ได้ นอกจากยอมรับ ยอมชดใช้ สำนึกผิด และไม่กระทำกรรมเดิมซ้ำให้สะสมไปอีก การแก้กรรมไม่สามารถทำได้ จนกว่าจะได้ชดใช้จนหมดกรรม ผลบุญที่ทำไว้จึงค่อยเข้ามาส่งผล

การทำ "บุญ" จึงเป็นเพียงกุศโลบายอย่างหนึ่งในการชำระใจให้บริสุทธิ์สะอาด

ผลของ "บุญ" ก็เป็นความสุขใจที่เกิดขึ้นหลังจากใครก็ตามได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อตนหรือต่อคนอื่น สัตว์อื่นและสิ่งอื่น (การทำบุญไม่ได้ทำกับคนเท่านั้น ยังหมายรวมไปถึงสัตว์และ "สิ่ง" ซึ่งในที่นี้หมายถึงสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติอีกด้วย)

สภาวะของ "บุญ" มีภาวะเป็นนามธรรม การให้ผลของบุญนั้นเกิดขึ้นที่ใจเป็นหลัก ไม่ใช่ให้ผลเป็นความร่ำรวย ให้ผลเป็นชื่อเสียง หรือให้ผลเป็นการถูกเลขท้ายรางวัลที่หนึ่งรวมทั้งไม่ใช่การให้ผลออกมาเป็นคะแนนและหรือแต้มสะสมซึ่งมนุษย์ด้วยกันเองเป็นผู้จัดทำขึ้น การให้ผลของบุญนั้นเป็นไปตามกฎธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นผู้จัดสรรของมันเอง

คนเราเมื่อทำบุญแล้วย่อมเกิดความสุข ความสบายใจ ทำให้เกิดคลื่น "พลังงานบวก" ขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ จึงทำให้รู้สึกเหมือนว่ากรรมของตนเองได้ถูกแก้ไข แท้ที่จริงแล้วกรรมนั้นยังคงอยู่ เพียงแต่เรายกระดับจิตเราออกจากกรรมในชั่วขณะหนึ่งแค่นั้นเอง



แท้จริงแล้วการทำบุญคือแก่นแท้ของหลักธรรมอันเป็นกุศโลบายให้คนเข้าวัด เพื่อจะได้น้อมนำคำสอนของพระพุทธศาสนาไปปรับใช้ เหนือสิ่งอื่นใดคือการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการให้กลับมา "พัฒนาตนเอง"




ดวงตก ดวงไม่ดี ชีวิตติดขัดมีปัญหา วิธีแก้ดวงสะเดาะเคราะห์ที่ได้ผลดีที่สุด

หากชีวิตของท่านประสบกับปัญหาดวงตก ดวงไม่ดี ชีวิตมีปัญหาติดๆขัดๆ ทำอะไรไม่เจริญรุ่งเรือง ขอแนะนำวิธีแก้ดวงสะเดาะเคราะห์ที่ได้ผลดีที่สุดมาบอกให้ทุกท่านได้ทราบ เพื่อที่จะได้ทำให้ถูกจุดและได้ผล ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองมากมาย ไม่ต้องเดินทางไปที่ไกลๆที่เขาว่าดี เผลอๆ อาจจะโดนหลอก และก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร

หากช่วงชีวิตของท่านมีปัญหาเรื่องดวงตก ดวงไม่ดีชีวิตติดขัด สาเหตุมาจากกรรมที่ได้ทำไว้ในชาติก่อน หรือที่ได้ทำมาในชาตินี้มันตามมาทัน หรือเริ่มให้ผล บางทีอาจจะเป็นเศษของกรรมเก่าหรือเริ่มเป็นผลของกรรมใหม่ เรื่องของกรรมเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงหลบหลีกกรรมที่มันสนองนี้ได้ แต่เราสามารถผ่อนคลายหรือลดความเข้มข้นผลของกรรมได้ กรรมทั้งหลายมันเกิดจากการที่เราละเมิดศีล ๕ เมื่อไหร่เราละเมิดศีลก็เกิดกรรมขึ้นทันทีและกรรมนั่นแหละเมื่อถึงกาลที่มันจะให้ผล มันก็จะส่งผลให้ชีวิตเราไม่ดีหรือที่เรียกว่าดวงตก

ดังนั้น เริ่มแรกหากต้องการที่จะเริ่มแก้ดวงชะตาคือ การรักษาศีล ๕ หากต้องการให้ดีขึ้นก็ต้องเริ่มตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ หากท่านบอกว่าจะเป็นไปได้ยังไง บางอย่างเช่นทำงานก็ต้องโกหก หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแสดงว่ายังเกรงใจมารอยู่ ยังอยู่ในขอบเขตของนรกอยู่ ยังต้องการให้ตัวได้ผลรับที่ไม่ดีอยู่ ก็แก้ดวงไม่ได้ผล 100% ถ้าจะเริ่มแก้ดวงต้องเริ่มจากการรักษาศีล ๕ ให้ได้บริสุทธิ์อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ในเบื้องต้นเมื่อแรกเริ่มปฏิบัติอาจจะกำหนดระยะเวลาของการรักษาศีลก็ได้เช่น 7 วัน 1 เดือน หรือ 3 เดือน แล้วแต่จะมีกำลังรักษาได้ยิ่งมากวันยิ่งดี(จริงๆแล้วศีล ๕ นั้นเกิดเป็นคนต้องรักษาให้ได้เป็นปรกติ) แต่ต้องตั้งใจไว้ให้มั่นคงว่าภายในช่วงเวลาที่เราตั้งใจรักษาศีลนี้เราจะไม่ยอมให้ศีล ๕ ขาดลงเด็ดขาด เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมให้ขาด และภายในระยะเวลาที่เรารักษาศีลนี้ให้สวดมนต์ไหว้พระ ระลึกถึงพระรัตนตรัยทุกวัน สวดบทไหนก็ได้ อรหังสัมมาก็ได้ อิติปิโสก็ได้ หรือเห็นว่าบทไหนดีก็สวดบทนั้นทุกวัน เมื่อรักษาศีลได้ครบตามระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้ว ให้ไปหาซื้อสังฆทานชุดใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ให้ไปเลือกซื้อของถวายสังฆทานเองหรือจัดสังฆทานเอง ถ้าไม่สะดวกก็หาที่สำเร็จก็ได้ สมควรจะมีพระพุทธรูป และผ้าไตรจีวรด้วย พร้อมทั้งเครื่องสังฆทานตามอย่าง ตั้งใจว่าสังฆทานนี้เราจะนำไปถวายให้เจ้ากรรมนายเวรที่เราได้ไปทำผิดกับเขามานำไปถวายพระเวลากรวดน้ำให้ตั้งใจระลึกว่า 

"บุญกุศลที่เราได้มานี้ เป็นศีลที่เราตั้งใจรักษามาแล้วก็ดี สังฆทานที่เราตั้งใจถวายแล้วก็ดี เราขออุทิศบุญศลนี้ให้แด่บิดามารดาผู้มีพระคุณใหญ่ และเราขออุทิศบุญกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เราได้ล่วงเกินเขามา ได้เคยทำผิดทำบาบต่อเขามา ทั้งในชาตินี้หรือชาติก่อน ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายมาโมทนาในกุศลผลบุญนี้ และขอให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้"

และตั้งใจไว้ว่าต่อไปนี้เรา จะเป็นมิตรที่ดีต่อคนและสัตว์ทั้งหลาย เราจะไม่เป็นเวรเป็นภัยกับใคร เราจะพยายามรักษาศีล ๕ ให้ได้เป็นปรกติตามกำลังความสามารถ เพียงเท่านี้หลังจากนั้นชีวิตของท่านจะเริ่มดีขึ้นโดยที่ท่านจะรู้สึกได้เอง หากยังไม่ดีขึ้นก็แสดงว่าเวรกรรมมันหนักมาก ก็ให้พยายามทำต่อเนื่องอย่าได้ย่อท้อ ผลของกรรม แก้ได้ด้วยทำดีและยอมรับผลของกรรมนั้น ไม่ใช่หลบหลีกหรือไปหากรรมเลวอื่นมาเพิ่มให้กับตัวเอง อย่างเช่นคนที่มีปัญหาในชีวิตมากแทนที่จะสวดมนต์ไหว้พระทำความดี กลับไปกินเหล้าเมายาคลายทุกข์กรรมเก่าก็ไม่ได้ชำระไปเพิ่มกรรมใหม่คือกรรมที่จะทำให้ตัวเองโง่ตัวเป็นคนบ้าอีก(เพราะการดื่มสุราผิดศีลข้อ 5 เป็นเหตุให้เป็นคนบ้าคนโง่)

หลังจากนั้นให้หมั่นสวดไหว้พระแผ่เมตตาทุกวัน ทำบุญกุศลอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรเป็นประจำอย่าได้ขาดทำไปเรื่อยๆ อย่าท้อแท้สิ้นหวังจนกว่ากรรมเก่ามันจะคลาย และผลของบุญมันเริ่มส่งผลบ้างนั่นแหละจึงจะเริ่มสบายขึ้น

สิ่งสำคัญที่สุดคืออันดับแรกต้องรักษาศีลให้ได้ ถ้ารักษาศีลไม่ได้ ต่อให้ไปแก้ดวง ไปสะเดาะเคราะห์ที่อาจารย์หรือพระที่เก่งขนาดไหน หรือไปทำบุญใหญ่ขนาดไหนก็ตามก็ได้ผลไม่มาก หรือถ้าผลดีแล้ว อีกไม่นานก็กลับมาไม่ดีเหมือนเดิม

การบูชาวัตถุมงคล ที่เกี่ยวกับการแก้กรรมแก้ดวงหรือไปหาพระที่ท่านเก่งช่วย นั้นจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่อาศัยบารมีของพระหรือเทวดาท่านช่วย เมื่อท่านช่วยเหลือมันก็เหมือนกับท่านเป็นนายประกันให้ชั่วคราวกรรมนั้นก็ยังไม่หมดไป เพราะผลของกรรมนั้นจะหมดไปเมื่อกรรมนั้นให้ผลหรือเมื่อเราได้รับผลของกรรมนั้นเพียงพอแล้ว ทางที่ดีที่เมื่อเราใช้วัตถุมงคลหรือไปให้พระท่านช่วยแล้ว เราก็ควรทำการแก้ดวงชะตาด้วยดังที่ได้แนะนำมาข้างต้นจึงจะเป็นการดี




คู่ครอง "ส่งเสริม" หรือ "ฉุดรั้ง"

เมื่อได้คนรักมาอยู่ด้วยกัน 
คุณเลือกไม่ได้ว่า
จะเอาแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งที่น่าชอบใจมา 
คุณต้องเอามาทั้งตัว 
รวมทั้ง "เงากรรม" ที่ตามหลังเขามาด้วย
ผลกรรมของคนรักของคุณ
จะมีผลกระทบข้างเคียงกับคุณด้วย 
ที่เห็นได้ชัดก็เช่น
ถ้าเขาทำทานไว้มาก 
ชาตินี้รวยและมีลาภเสมอๆ 
คุณก็พลอยได้ส่วนความรวย
หรือส่วนแบ่งลาภจากเขาในทางใดทางหนึ่ง
แต่หากเขาเป็นพวกชอบหาเรื่อง 
มีเรื่องร้ายๆมากระทบให้ยุ่งยากใจ 
คุณก็จะพลอยปันส่วนเรื่องยุ่งยากใจกับเขา
"อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง..."


ดังตฤณ

การเสริมดวง

การเสริมดวง

การเสริมดวง เป็นสิ่งแรกที่คนเรามักจะนึกถึง เมื่อเวลามีปัญหา อยากให้ย้อนกลับไปอ่านบทความแรกๆ แล้วจะเข้าใจว่า การเสริมดวงก็คือการเลือกวัตถุมงคลให้กับดวงชะตา

...ถ้า !!! ...
ดวงเปิด เลือกวัตถุมงคลที่ใช่ ก็ 100%
ดวงปิด เลือกวัตถุมงคลที่ใช่ ก็ 40-60%
ดวงปิด เลือกวัตถุมงคลที่ไม่ใช่ ก็ 0%


ต่อให้คุณได้เบอร์โทรราคาหลักแสน หรือเปลี่ยนชื่อเลิศหรู ถ้าดวงคุณไม่เปิดรับ พฤติกรรมคุณไม่เปลี่ยน พลังงานในตัวคุณติดลบ ต่อให้วัตถุมงคลนั้นมีฤทธิ์ขนาดไหน ก็ไม่สามารถเชื่อมพลังงานได้

แต่!!! คนเราส่วนใหญ่มักจะหวังพึ่งวัตถุมงคลเป็นหลัก โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา อยากให้ลองหันมาดูตัวเองกันก่อน ปรับปรุงตัวเองกันเสียก่อน พึ่งตัวเองก่อน เปลี่ยนพฤติกรรมเสียก่อน เคลียพลังงานในตัวเองให้ใสสะอาดเสียก่อน ก่อนที่จะรับพลังงานดีๆ เข้ามา เพราะคุณไม่เคลียตัวเอง พลังงานใหม่ก็ไม่มีที่จะแทรกเข้าไปได้ ซึ่งแน่นอนว่า ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความอดทน แต่ผลที่ได้ มันคุ้มค่าระยะยาว

ปล. วัตถุมงคลในที่นี้หมายถึง สิ่งมงคลทุกชนิดที่ให้คุณ เช่น เบอร์โทรศัพท์ ชื่อ-นามสกุล โหงเฮ้ง ฮวงจุ้ย พระเครื่อง เครื่องราง ของขลัง ฯลฯ



ความจริงของชีวิต

ความจริงของชีวิต

ก่อนอื่น ต้องเข้าใจความจริงของชีวิตก่อน 
ผลทุกอย่าง เกิดจาก เหตุ ความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบันเกิดจาก เหตุที่เราทำไว้ในอดีต 

อดีต หมายรวมทั้ง ชาติปางก่อน ส่วนหนึ่ง และการกระทำของเราตั้งแต่แรกเกิด จนถึงปัจจุบัน (ชาตินี้) ส่วนหนึ่ง ผลจากชาติอดีต มี 50% ผลจากชาติปัจจุบัน 50%

มาถึงเรื่องของเบอร์โทรศัพท์ ชื่อ-นามสกุล ทะเบียนรถ ฯลฯ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบก็คือวัตถุมงคลอย่างหนึ่งนั่นเอง ถ้าจะอธิบาย เรื่องวัตถุมงคล จะขอยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ดังนี้

ผลจากอดีตชาติ 40% ผลจากชาติปัจจุบัน 40% ผลจากวัตถุมงคล (เบอร์โทรศัพท์, ทะเบียนรถ, ชื่อ-นามสกุล, โหงเฮ้ง, ฮวงจุ้ย, พระเครื่อง, เครื่องราง ฯลฯ) 20% (ตัวเลขสมมติ)

ถ้าเราทำกรรมในอดีตไม่ดี แล้วกำลังส่งผลนั่นคือส่งผล 40% 
ถ้าเราทำกรรมไม่ดีซ้ำอีกในปัจจุบัน กรรมปัจจุบันส่งผล อีก 40%
แม้วัตถุมงคลจะช่วยเต็มที่ 20% ก็ต้านกระแสกรรมไม่ได้แน่นอน (เพราะ 80: 20)

ถ้าเราทำกรรมในอดีตไม่ดี แล้วกำลังส่งผลนั่นคือส่งผล 40% 
ถ้าเราทำกรรมดีในปัจจุบัน กรรมปัจจุบันส่งผล 40%
แล้ววัตถุมงคลช่วยเต็มที่ 20% ต้านกระแสกรรมได้แน่นอน หรือผ่อนหนักเป็นเบา (เพราะ 40: 60)

ดังนั้น ขออย่ายึดในวัตถุมงคลฝ่ายเดียว (เบอร์โทรศัพท์, ทะเบียนรถ, ชื่อ-นามสกุล, โหงเฮ้ง, ฮวงจุ้ย, พระเครื่อง, เครื่องราง ฯลฯ) ให้ยึดการกระทำกรรมดีในปัจจุบันให้มาก (ส่วนกรรมในอดีตเราแก้ไขไม่ได้)

อนึ่ง วัตถุมงคลตามที่กล่าวมาทุกรายการ ช่วยให้สิ้นชาติภพได้ (ถ้าเราปฏิบัติเชื่อมได้ ) แต่การอ้อนวอนจากวัตถุมงคล ไม่ใช่ทางของพระพุทธศาสนา ทางของพระพุทธศาสนา นั้น เป็นทางแห่งการปฏิบัติ การเรียนรู้ การบำเพ็ญ ด้วยตนเอง ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า ตนแลเป็นที่พึงแห่งตน และผลจากการกระทำกรรมดีในปัจจุบันจะดึงดูดพุทธานุภาพของวัตถุมงคลเข้ามาหาเราเอง ตามกฎแห่งแรงดึงดูด คือ “พลังงานที่เหมือนกันย่อมดึงดูดซึ่งกันและกัน”

ดังนั้น การจะทำอะไรก็ตาม ต้องประกอบด้วย 2 ส่วน คือ การทำกรรมปัจจุบันให้ดี ควบคู่กับการปฏิบัติ (ทาน ศีล ภาวนา) บวกกับ พุทธานุภาพ ในวัตถุมงคลทุกรายการ จึงจะช่วยเราได้