กำเนิดดวงชะตา

กำเนิดดวงชะตา

เมื่อ กล่าวถึง ดวงชะตา หรือ ฟ้าลิขิต โดยทั่วไปจะมีความเกี่ยวข้องกับ ดวงดาว บนฟากฟ้า เป็นสถิติของเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลก โดยอ้างอิงกับการโคจรหมุนเวียนของ ดวงดาวบนฟากฟ้า ในช่วงเวลาต่างๆ จาก สถิติที่จดบันทึก ทำให้คาดคะเนได้ว่า เมื่อดวงดาวมีการเคลื่อนย้ายแบบไหน จะเกิดเหตุการณ์อย่างไร บางคนจึงเรียกอิทธิพลจากดวงดาวนี้ว่า ฟ้าลิขิต

มนุษย์ เมื่อแรกกำเนิด แต่ละคนจะได้รับพลังงานดวงดาว ตามช่วงเวลาที่เกิดของแต่ละคน บรรจุอยู่ในร่างกาย ชุดของพลังงานนี้เรียกว่า ดวงชะตากำเนิด หรือ กรรมเก่า หรือ พลังงานประจำตัว

มนุษย์ทุกคนถึงแม้จะอยู่ใต้ท้องฟ้าเดียวกัน ได้รับพลังดวงดาว ในช่วงนั้นเหมือนๆ กัน แต่เนื่องจากแต่ละคนมีพลังงานประจำตัว หรือ กรรมเก่า ที่แตกต่างกันจึงมีปฏิกิริยาตอบสนอง ต่อพลังงานดวงดาวแตกต่างกันไป ปฏิกิริยาตอบสนองนี้แสดงออกในรูปแบบของพฤติกรรมหรือการกระทำ เช่น ด้านอารมณ์ การตัดสินใจกระทำการต่างๆ ฯลฯ เมื่อดวงดาวเคลื่อนย้าย ดวงชะตาก็มีการเปลี่ยนแปลง มีดวงขึ้น มีดวงตก มีดวงชง และชื่อเรียกดวงแบบอื่นๆ อีกมากมาย

กฎแห่งดวงชะตา คือ กฎแห่งสถิติ เป็นแนวโน้มหรือโอกาสที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น ส่วนเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขึ้นกับพฤติกรรม การตัดสินใจ การกระทำของเจ้าของดวงชะตา ณ ช่วงเวลานั้น

หากเจ้าของดวงชะตาดำเนินชีวิตตามอิทธิพลจากดวงดาว ชีวิตก็จะเป็นไปตามดวงชะตาฟ้าลิขิต หากเจ้าของดวงชะตา สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมไม่คล้อยตามอิทธิพลของดวงดาว ชีวิตก็จะอยู่เหนือดวง เหนือฟ้าลิขิต

ชีวิตมนุษย์ไม่ได้จำเป็นต้องดำเนินตามดวงชะตาเสมอไป แต่การฝืนดวงชะตานั้น พูดง่าย แต่ทำไม่ง่าย เพราะพฤติกรรมเหล่านี้เป็นผลมาจากปฏิกิริยาของพลังงานที่ถูกกระตุ้นจากภาย ในร่างกาย อุปมาเปรียบเทียบเหมือน บางคนที่ติดสูบบุหรี่ ติดเหล้า ติดยา ติดการพนัน ถึงจะรู้ตัวว่าพฤติกรรมนั้นไม่ดี พยายามเลิก แต่ก็ยากที่จะฝืนความต้องการจากภายในร่างกายได้

ดังนั้น การรู้ดวงจร ณ ช่วงเวลาชีวิต จึงมีความสำคัญ เพราะเมื่อรู้จักพลังดาวที่มีผลกระทบต่อดวงชะตาในช่วงเวลานั้นๆ จะทำให้เราสามารถควบคุมบังคับจิตใจ ให้เข้มแข็ง ไม่คล้อยตามอิทธิพลของดวงดาวนั้นได้โดยง่าย นั่นล่ะคือการเปลี่ยนเส้นทางกรรมของคุณ

วิชาโหราศาสตร์ไทย เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม และ บุญเก่า หรือ กรรมใหม่ มีจริง ดังนั้นไม่มีพลังงานใด ๆ ที่จะแก้ไข เปลี่ยนแปลงให้สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ได้ เพราะ ถ้าเราไม่สร้างกุศล ผลบุญ และ ทำความดี คอยแต่เบียดเบียนผู้อื่น เพื่อต้องการ ความร่ำรวย ต้องการมีอำนาจ ต้องการได้ความรัก หรือ บริวารมากมายมหาศาล ถ้าบุคคลเหล่านี้ ไม่มีพี้นฐานของคุณธรรม หรือ บุคคล ที่มีแต่ กรรมเก่า หรือ ไม่เคยสร้างกุศลดี ในปัจจุบัน มีแต่ความอยากได้ สิ่งที่ชะตา ชีวิตของตนเอง เอื้อมไปไม่ถึง และ มีแต่ความโลภไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้จัก ผิดชอบ ชั่วดี อยากรวย จนไม่นึกถึงบาปบุญคุณโทษ ...ไม่ว่าจะเป็นของใคร หรือ อะไรก็ได้ ขอให้ได้มาครอบครอง บุคคลนั้น จะไม่มีวัน สำเร็จ อยู่ดี แต่ไม่มีวันจะนอนหลับสบาย และ ไม่มีวันสิ้นสุด ความเพียงพอ บุคคลเหล่านี้ จักวิบัติ หรือไม่ก็ มีแต่ สิ่งที่ไม่ดี มากวนใจตลอดเวลา มีเงินล้นฟ้า ก็ หาที่ซุกนอนไม่ได้

แต่ถ้า บุคคลใดเป็นคนดีอยู่ในศีลธรรม มีสัจจะ และ ไม่โลภมาก ไม่โกรธเกรี้ยว ไม่ทรยศ ไม่หักหลังผู้อื่น บุคคลเหล่านี้ ก็จักได้กุศลดี ตอบแทนเช่นกัน เจ้ากรรมนายเวร ก็ละโทษให้ เพราะเขาเหล่านั้น มีพื้นฐานความดี และ สำนึกในสิ่งที่เคยผิดพลาด บุคคลเช่นนี้ จักประสพความสำเร็จ อย่างรวดเร็ว และ ยั่งยืน 

วิชาความรู้ของ อาจารย์ แต่ละสำนักมีดี มีด้อย ต่างกันไป ไม่มีที่ไหน เพอร์เฟค 100 หรือ ดีกว่าของสำนักใดๆ ในโลกนี้ ส่วนใครจะนำส่วนดีๆ ใด ๆ ของสำนักใด มาสั่งสอน อบรม มนุษย์ ใช้วิชาดีๆ ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะ หลัก ของ.. สายกลาง...และ มีคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ประจำตัวของ คนที่เรียกตนเองว่าเป็น คณาจารย์ ทั้งหลาย นั่นแหละสำคัญที่สุด อันนี้คือเรื่องจริง.....